ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

บทสิบสี่

วิธีทำให้ชีวิตครอบครัวของคุณมีความสุข

วิธีทำให้ชีวิตครอบครัวของคุณมีความสุข
  • อะไรเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจะเป็นสามีที่ดี?

  • ผู้หญิงจะเป็นภรรยาที่ประสบความสำเร็จได้โดยวิธีใด?

  • การเป็นบิดามารดาที่ดีเกี่ยวข้องกับอะไร?

  • บุตรจะช่วยทำให้ชีวิตครอบครัวมีความสุขได้โดยวิธีใด?

1. อะไรเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชีวิตครอบครัวมีความสุข?

พระยะโฮวาพระเจ้าทรงต้องการให้ชีวิตครอบครัวของคุณมีความสุข. คัมภีร์ไบเบิล พระคำของพระองค์มีคำแนะนำสำหรับสมาชิกแต่ละคนในครอบครัว โดยชี้แจงถึงบทบาทหรือหน้าที่ซึ่งพระเจ้าต้องการให้แต่ละคนปฏิบัติ. เมื่อสมาชิกในครอบครัวปฏิบัติหน้าที่ของตนตามคำแนะนำของพระเจ้าแล้ว ย่อมเกิดผลที่น่าพอใจจริง ๆ. พระเยซูตรัสว่า “ผู้ที่ได้ยินพระคำของพระเจ้าและปฏิบัติตามต่างหากที่มีความสุข!”—ลูกา 11:28.

2. ความสุขของครอบครัวขึ้นอยู่กับการที่เรายอมรับอะไร?

2 ส่วนใหญ่แล้วความสุขของครอบครัวขึ้นอยู่กับการที่เรายอมรับว่าครอบครัวเกิดมาจากพระยะโฮวา ผู้ซึ่งพระเยซูทรงเรียกว่า “พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย.” (มัดธาย 6:9) ทุกครอบครัวบนแผ่นดินโลกมีอยู่ก็เนื่องมาจากพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ และแน่นอนพระองค์ทรงทราบว่าอะไรทำให้ครอบครัวมีความสุข. (เอเฟโซส์ 3:14, 15) ดังนั้น คัมภีร์ไบเบิลสอนอะไรเกี่ยวกับหน้าที่ของสมาชิกแต่ละคนในครอบครัว?

ครอบครัวเกิดมาจากพระเจ้า

3. คัมภีร์ไบเบิลอธิบายว่าครอบครัวมนุษย์เริ่มขึ้นอย่างไร และทำไมเรารู้ว่าสิ่งที่พระคัมภีร์บอกไว้เป็นความจริง?

3 พระยะโฮวาทรงสร้างอาดามกับฮาวา มนุษย์คู่แรก แล้วนำคนทั้งสองมาอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยา. พระองค์ทรงให้เขาทั้งสองอยู่ในบ้านซึ่งเป็นอุทยานที่สวยงามบนแผ่นดินโลก นั่นคือสวนเอเดน และบอกให้เขามีลูกหลาน. พระยะโฮวาตรัสว่า “จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน.” (เยเนซิศ 1:26-28, ฉบับ R73; 2:18, 21-24) นี่ไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องแต่งขึ้นหรือเทพนิยาย เพราะพระเยซูแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่พระธรรมเยเนซิศกล่าวเกี่ยวกับการเริ่มต้นของชีวิตครอบครัวนั้นเป็นเรื่องจริง. (มัดธาย 19:4, 5) แม้เราเผชิญปัญหาหลายอย่างและชีวิตในเวลานี้ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่พระเจ้าทรงมุ่งหมายไว้ ขอให้เรามาดูว่าทำไมครอบครัวจึงอาจมีความสุขได้.

4. (ก) สมาชิกแต่ละคนในครอบครัวจะมีส่วนส่งเสริมความสุขของครอบครัวได้โดยวิธีใด? (ข) ทำไมการศึกษาชีวิตของพระเยซูจึงสำคัญอย่างยิ่งเพื่อจะมีความสุขในครอบครัว?

4 สมาชิกแต่ละคนในครอบครัวสามารถช่วยทำให้ชีวิตครอบครัวมีความสุขได้โดยเลียนแบบพระเจ้าในการแสดงความรัก. (เอเฟโซส์ 5:1, 2) แต่เราจะเลียนแบบพระเจ้าได้อย่างไร เนื่องจากเราไม่สามารถมองเห็นพระองค์ได้? เราสามารถเรียนรู้ได้ว่าพระยะโฮวาทรงปฏิบัติอย่างไรก็เพราะพระองค์ได้ส่งพระบุตรหัวปีของพระองค์จากสวรรค์มายังแผ่นดินโลก. (โยฮัน 1:14, 18) เมื่ออยู่บนแผ่นดินโลก พระเยซูคริสต์ พระบุตรองค์นี้ทรงเลียนแบบพระบิดาที่อยู่ในสวรรค์ได้ดีเยี่ยมถึงขนาดที่การได้เห็นและการได้ฟังพระเยซูก็เหมือนการได้อยู่กับพระยะโฮวาและได้ยินพระองค์ตรัส. (โยฮัน 14:9) ฉะนั้น โดยการเรียนรู้วิธีแสดงความรักของพระเยซูและการติดตามตัวอย่างของพระองค์ เราแต่ละคนก็สามารถช่วยทำให้ชีวิตครอบครัวมีความสุขมากขึ้นได้.

แบบอย่างสำหรับสามี

5, 6. (ก) วิธีที่พระเยซูปฏิบัติต่อประชาคมเป็นการวางตัวอย่างสำหรับสามีอย่างไร? (ข) เราต้องทำอะไรเพื่อได้รับการอภัยบาป?

5 คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าสามีควรปฏิบัติต่อภรรยาอย่างเดียวกับที่พระเยซูปฏิบัติต่อเหล่าสาวกของพระองค์. ขอพิจารณาคำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิลที่ว่า “สามีทั้งหลาย จงรักภรรยาเสมออย่างที่พระคริสต์ทรงรักประชาคมและได้สละพระองค์เองเพื่อประชาคม . . . สามีทั้งหลายควรรักภรรยาเหมือนรักกายของตนอย่างนี้แหละ. ผู้ที่รักภรรยาของตนก็รักตัวเอง เพราะไม่มีใครเกลียดชังร่างกายตนเอง แต่เขาจะเลี้ยงดูและทะนุถนอมร่างกายของตน อย่างที่พระคริสต์ทรงปฏิบัติต่อประชาคม.”—เอเฟโซส์ 5:23, 25-29.

6 ความรักที่พระเยซูมีต่อประชาคมซึ่งประกอบด้วยเหล่าสาวกของพระองค์นั้นเป็นตัวอย่างอันยอดเยี่ยมที่พระองค์ทรงวางไว้สำหรับสามี. พระเยซู “ทรงรักพวกเขาจนถึงที่สุด” ทรงสละชีวิตของพระองค์เพื่อพวกเขา ถึงแม้พวกเขาเป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์ก็ตาม. (โยฮัน 13:1; 15:13) คล้ายกัน สามีได้รับการกระตุ้นเตือนดังนี้: “สามีทั้งหลาย จงรักภรรยาเสมอและอย่าเกรี้ยวกราดต่อนาง.” (โกโลซาย 3:19) อะไรจะช่วยสามีให้เอาคำแนะนำดังกล่าวนี้มาใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าภรรยาของเขาไม่ได้ทำอย่างสุขุมรอบคอบในบางครั้ง? เขาควรจำไว้ว่าตัวเองก็ทำผิดพลาดด้วย และนึกถึงสิ่งที่เขาต้องทำเพื่อได้รับการอภัยจากพระเจ้า. เขาต้องทำอะไร? เขาต้องอภัยคนที่ทำผิดต่อเขา และนั่นรวมถึงภรรยาของเขาด้วย. แน่นอน ภรรยาก็ควรทำอย่างนั้นด้วย. (มัดธาย 6:12, 14, 15) คุณเข้าใจเหตุผลไหมที่บางคนกล่าวว่า ชีวิตสมรสที่ประสบผลสำเร็จคือการอยู่ร่วมกันของคนสองคนที่เต็มใจให้อภัยกัน?

7. พระเยซูทรงคำนึงถึงอะไร ซึ่งเป็นการวางตัวอย่างเช่นไรสำหรับสามี?

7 สามีพึงสังเกตด้วยว่าพระเยซูแสดงความเห็นอกเห็นใจเหล่าสาวกของพระองค์เสมอ. พระองค์ทรงคำนึงถึงขีดจำกัดและความต้องการทางด้านร่างกายของพวกเขา. ตัวอย่างเช่น เมื่อพวกเขาเหนื่อย พระองค์ตรัสว่า “ไปในที่ห่างไกลผู้คนกันเถิด จะได้พักสักหน่อย.” (มาระโก 6:30-32) ภรรยาก็ควรได้รับการคำนึงถึงด้วยความเห็นอกเห็นใจเช่นกัน. คัมภีร์ไบเบิลเปรียบภรรยาเป็นเหมือน “ภาชนะที่อ่อนแอกว่า” ซึ่งสามีได้รับคำสั่งว่าเขาต้อง “ให้เกียรติ” เธอ. เพราะเหตุใด? เพราะทั้งสามีและภรรยาต่างก็ได้รับ “ชีวิตอันเป็นของประทานด้วยพระกรุณาอันใหญ่หลวง” เท่า ๆ กัน. (1 เปโตร 3:7) สามีควรจำไว้ว่า สิ่งที่ทำให้คนเรามีค่าสำหรับพระเจ้าก็คือความซื่อสัตย์ ไม่ใช่ที่ว่าเราเป็นชายหรือหญิง.—บทเพลงสรรเสริญ 101:6.

8. (ก) โดยวิธีใดที่สามี “ผู้ที่รักภรรยาของตนก็รักตัวเอง”? (ข) การเป็น “เนื้อหนังเดียวกัน” หมายความเช่นไรสำหรับสามีและภรรยา?

8 คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า สามี “ผู้ที่รักภรรยาของตนก็รักตัวเอง.” นี่เป็นเพราะผู้ชายกับภรรยาของเขา “ไม่เป็นสองอีกต่อไป แต่เป็นเนื้อหนังเดียวกัน” ดังที่พระเยซูได้ชี้แจงไว้. (มัดธาย 19:6) ดังนั้น เขาทั้งสองต้องจำกัดการมีเพศสัมพันธ์ไว้เฉพาะคู่ของตนเท่านั้น. (สุภาษิต 5:15-21; ฮีบรู 13:4) เขาจะทำเช่นนี้ได้หากเขาคำนึงถึงความต้องการของอีกฝ่ายหนึ่งอย่างที่ไม่เห็นแก่ตัว. (1 โครินท์ 7:3-5) สิ่งที่น่าสังเกตคือข้อเตือนใจที่ว่า “ไม่มีใครเกลียดชังร่างกายตนเอง แต่เขาจะเลี้ยงดูและทะนุถนอม.” สามีต้องรักภรรยาเหมือนที่เขารักตัวเอง โดยระลึกว่าเขาต้องให้การต่อพระเยซูคริสต์ ประมุขของเขา.—เอเฟโซส์ 5:29; 1 โครินท์ 11:3.

9. มีการกล่าวถึงคุณลักษณะอะไรของพระเยซูที่ฟิลิปปอย 1:8 และทำไมสามีควรแสดงคุณลักษณะดังกล่าวต่อภรรยาของตน?

9 อัครสาวกเปาโลกล่าวถึง “ความรักใคร่ตามแบบอย่างของพระคริสต์เยซู.” (ฟิลิปปอย 1:8) ความอ่อนละมุนของพระเยซูเป็นคุณลักษณะที่ทำให้สดชื่น เป็นสิ่งที่ดึงดูดให้ผู้หญิงเข้ามาเป็นสาวกของพระองค์. (โยฮัน 20:1, 11-13, 16) และภรรยาทั้งหลายก็ปรารถนาจะได้รับความรักใคร่อันอ่อนละมุนจากสามีของเธอ.

ตัวอย่างสำหรับภรรยา

10. พระเยซูวางตัวอย่างไว้สำหรับภรรยาอย่างไร?

10 ครอบครัวเป็นเหมือนองค์กรหนึ่ง และเพื่อจะดำเนินงานได้อย่างราบรื่นก็ต้องมีประมุข. แม้แต่พระเยซูก็มีผู้ที่พระองค์ยอมอยู่ใต้อำนาจฐานะเป็นประมุขของพระองค์. “พระเจ้าทรงเป็นประมุขของพระคริสต์” อย่างเดียวกับที่ “ผู้ชายเป็นประมุขของผู้หญิง.” (1 โครินท์ 11:3) การที่พระเยซูยอมอ่อนน้อมต่อตำแหน่งประมุขของพระเจ้านั้นเป็นตัวอย่างที่ดีเลิศ เนื่องจากเราทุกคนมีประมุขซึ่งเราต้องยอมอ่อนน้อม.

11. ภรรยาควรมีทัศนะเช่นไรต่อสามี และความประพฤติของเธออาจก่อผลเช่นไร?

11 มนุษย์ไม่สมบูรณ์ทำผิดพลาดและบ่อยครั้งไม่ได้เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีพร้อม. ดังนั้น ภรรยาควรทำอย่างไร? เธอไม่ควรดูถูกสิ่งที่สามีทำหรือพยายามแย่งตำแหน่งประมุขของเขา. ภรรยาควรจำไว้ว่าในทัศนะของพระเจ้า ใจที่สงบเสงี่ยมและอ่อนโยนเป็นสิ่งที่มีค่ามาก. (1 เปโตร 3:4) เมื่อแสดงน้ำใจเช่นนั้น เธอจะพบว่าการยอมอ่อนน้อมด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้าเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายขึ้น แม้อยู่ภายใต้สภาพการณ์ที่ลำบาก. นอกจากนี้ คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า “ภรรยาก็ควรนับถือสามีอย่างสุดซึ้ง.” (เอเฟโซส์ 5:33) แต่ถ้าสามีไม่ยอมรับพระคริสต์ฐานะเป็นประมุขของเขาล่ะ? คัมภีร์ไบเบิลกระตุ้นเตือนภรรยาว่า “ให้ . . . ยอมเชื่อฟังสามีของตน เพื่อว่าถ้าสามีคนใดไม่เชื่อฟังพระคำ การประพฤติของภรรยาก็อาจชนะใจเขาโดยไม่ต้องเอ่ยปาก เนื่องจากเขาได้เห็นการประพฤติอันบริสุทธิ์พร้อมกับความนับถืออย่างสุดซึ้ง ของท่านทั้งหลาย.”—1 เปโตร 3:1, 2

12. ทำไมไม่ผิดที่ภรรยาจะแสดงความคิดเห็นของเธอด้วยความนับถือ?

12 ไม่ว่าสามีจะเป็นผู้เชื่อถือพระเจ้าด้วยหรือไม่ การที่ภรรยาแสดงความคิดเห็นแตกต่างไปจากเขาอย่างผ่อนหนักผ่อนเบานั้นไม่ได้แสดงว่าเธอขาดความนับถือ. ความคิดเห็นของเธออาจถูกต้อง และทั้งครอบครัวอาจได้รับประโยชน์ถ้าสามีรับฟังเธอ. แม้อับราฮามไม่เห็นด้วยเมื่อซาราห์ ภรรยาของท่านเสนอแนะวิธีที่ใช้การได้เพื่อแก้ปัญหาบางอย่างในครอบครัว แต่พระเจ้าได้ตรัสแก่ท่านว่า “จงเชื่อฟังถ้อยคำทั้งหมดที่นางซาราได้พูดกับเจ้าเถิด.” (เยเนซิศ 21:9-12) แน่นอน เมื่อสามีทำการตัดสินใจในเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะซึ่งไม่ขัดกับกฎหมายของพระเจ้า ภรรยาก็ควรแสดงการยอมอยู่ใต้อำนาจโดยสนับสนุนการตัดสินใจของเขา.—กิจการ 5:29; เอเฟโซส์ 5:24.

ซาราห์ได้วางตัวอย่างที่ดีอะไรไว้สำหรับภรรยา?

13. (ก) ทิทุส 2:4, 5 กระตุ้นเตือนผู้หญิงที่สมรสแล้วให้ทำอะไร? (ข) คัมภีร์ไบเบิลกล่าวเช่นไรในเรื่องการแยกกันอยู่และการหย่าร้าง?

13 ภรรยาอาจทำหน้าที่ของเธอในการเอาใจใส่ดูแลครอบครัวได้หลายวิธี. ตัวอย่างเช่น คัมภีร์ไบเบิลแสดงว่าผู้หญิงที่สมรสแล้วต้อง “รักสามี รักบุตร ให้มีสติ เป็นคนบริสุทธิ์ รู้จักดูแลบ้านเรือน เป็นคนดี ยอมเชื่อฟังสามี.” (ทิทุส 2:4, 5) ภรรยาและมารดาที่ทำอย่างนี้จะได้รับความรักและความนับถือจากครอบครัวของเธอตลอดไป. (สุภาษิต 31:10, 28) แต่เนื่องจากชีวิตสมรสก็คือการที่คนสองคนซึ่งไม่สมบูรณ์มาอยู่ร่วมกัน สภาพการณ์ที่ร้ายแรงบางอย่างอาจทำให้มีการแยกกันอยู่หรือหย่าร้าง. คัมภีร์ไบเบิลยอมให้แยกกันอยู่ได้ภายใต้สภาพการณ์บางอย่าง. กระนั้น ทั้งคู่ต้องไม่ถือว่าการแยกกันอยู่เป็นเรื่องเล่น ๆ เพราะคัมภีร์ไบเบิลให้คำแนะนำว่า “ภรรยาไม่ควรไปจากสามี . . . และสามีไม่ควรทิ้งภรรยา.” (1 โครินท์ 7:10, 11) และเฉพาะการผิดประเวณีของคู่สมรสเท่านั้นที่ทำให้มีเหตุผลตามหลักพระคัมภีร์สำหรับการหย่า.—มัดธาย 19:9.

ตัวอย่างที่ดีเยี่ยมสำหรับบิดามารดา

14. พระเยซูทรงปฏิบัติต่อเด็กอย่างไร และเด็ก ๆ ต้องการอะไรจากบิดามารดา?

14 พระเยซูทรงวางตัวอย่างที่ดีเยี่ยมไว้สำหรับบิดามารดาในวิธีที่พระองค์ปฏิบัติต่อเด็ก ๆ. เมื่อคนอื่นพยายามห้ามเด็กเล็ก ๆ ไม่ให้เข้าไปหาพระเยซู พระองค์ตรัสว่า “ให้เด็กเล็ก ๆ เข้ามาหาเราเถิด อย่าห้ามพวกเขาเลย.” คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า จากนั้นพระองค์ “ทรงโอบเด็ก ๆ ไว้ แล้วทรงวางพระหัตถ์บนพวกเด็ก ๆ และอวยพรพวกเขา.” (มาระโก 10:13-16) เนื่องจากพระเยซูทรงให้เวลาเด็ก ๆ คุณก็น่าจะทำอย่างนั้นกับลูก ๆ ของคุณเองมิใช่หรือ? เด็ก ๆ ต้องการเวลาจากคุณไม่ใช่แค่น้อยนิด แต่ต้องการให้คุณใช้เวลากับเขามาก ๆ. คุณต้องใช้เวลาสอนพวกเขา เพราะพระยะโฮวาทรงสั่งบิดามารดาให้ทำเช่นนั้น.—พระบัญญัติ 6:4-9.

15. บิดามารดาสามารถทำอะไรเพื่อปกป้องบุตรของตน?

15 ขณะที่โลกนี้ชั่วช้าลงเรื่อย ๆ เด็ก ๆ จำเป็นต้องมีบิดามารดาซึ่งจะปกป้องพวกเขาให้พ้นจากคนที่คอยหาโอกาสทำร้ายเด็ก เช่น คนที่พยายามหลอกเด็กไปทำร้ายทางเพศ. ขอพิจารณาวิธีที่พระเยซูทรงปกป้องเหล่าสาวก ซึ่งพระองค์ทรงเรียกด้วยความรักว่า “ลูกเอ๋ย.” เมื่อพระเยซูถูกจับและอีกไม่นานก็จะถูกประหารชีวิต พระองค์ทรงช่วยพวกเขาให้หนีรอด. (โยฮัน 13:33; 18:7-9) ในฐานะเป็นบิดามารดา คุณต้องตื่นตัวต่อความพยายามของพญามารที่จะทำร้ายลูกน้อยของคุณ. คุณต้องเตือนลูก ๆ ล่วงหน้า. * (1 เปโตร 5:8) สิ่งที่ก่อความเสียหายต่อร่างกาย, ความเชื่อ, และทำให้ศีลธรรมเสื่อมมีมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน.

บิดามารดาจะเรียนอะไรได้จากวิธีที่พระเยซูปฏิบัติต่อเด็ก ๆ?

16. บิดามารดาจะเรียนอะไรได้จากวิธีที่พระเยซูทรงจัดการกับความไม่สมบูรณ์ของเหล่าสาวก?

16 ในคืนก่อนพระเยซูสิ้นพระชนม์ พวกสาวกได้เถียงกันว่าใครเป็นใหญ่ในท่ามกลางพวกเขา. แทนที่จะโกรธเคืองพวกเขา พระเยซูยังคงโน้มน้าวใจพวกเขาด้วยความรักใคร่ทั้งโดยทางคำพูดและตัวอย่าง. (ลูกา 22:24-27; โยฮัน 13:3-8) หากคุณเป็นบิดามารดา คุณเห็นวิธีที่คุณอาจติดตามตัวอย่างของพระเยซูในการว่ากล่าวแก้ไขลูก ๆ ของคุณไหม? จริงอยู่ พวกเขาจำเป็นต้องได้รับการตีสอน กระนั้น ควรตีสอน “แต่พอดี” และอย่าทำด้วยความโกรธ. คุณคงไม่อยากจะพูดโดยไม่คิด “เหมือนการแทงของกระบี่.” (ยิระมะยา 30:11; สุภาษิต 12:18) การตีสอนควรทำอย่างที่ลูกของคุณจะเข้าใจในภายหลังว่านั่นเป็นสิ่งเหมาะสมอย่างแท้จริง.—เอเฟโซส์ 6:4; ฮีบรู 12:9-11.

แบบอย่างสำหรับเด็ก

17. พระเยซูทรงวางตัวอย่างที่ดีเยี่ยมไว้สำหรับเด็กในทางใดบ้าง?

17 เด็ก ๆ จะเรียนจากพระเยซูได้ไหม? ใช่ พวกเขาเรียนได้! โดยตัวอย่างของพระเยซูเอง พระองค์แสดงให้เห็นว่าเด็กควรเชื่อฟังบิดามารดา. พระองค์ตรัสว่า “เราพูดตามที่พระบิดาทรงสอนเรา.” พระองค์ตรัสอีกว่า “เราทำสิ่งที่พระองค์ชอบพระทัยเสมอ.” (โยฮัน 8:28, 29) พระเยซูทรงเชื่อฟังพระบิดาของพระองค์ผู้สถิตในสวรรค์ และคัมภีร์ไบเบิลบอกให้เด็กเชื่อฟังบิดามารดาของตน. (เอเฟโซส์ 6:1-3) ถึงแม้พระเยซูเป็นเด็กที่เป็นมนุษย์สมบูรณ์ แต่พระองค์ก็ยังเชื่อฟังโยเซฟกับมาเรีย บิดามารดาของพระองค์ซึ่งเป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์. แน่นอน นั่นย่อมทำให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวของพระเยซูมีความสุข!—ลูกา 2:4, 5, 51, 52.

18. ทำไมพระเยซูทรงเชื่อฟังพระบิดาของพระองค์เสมอ และใครมีความสุขเมื่อบุตรเชื่อฟังบิดามารดาในทุกวันนี้?

18 เด็ก ๆ รู้ไหมว่าพวกเขาจะเป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้นได้และทำให้บิดามารดามีความสุข? จริงอยู่ บางครั้งเยาวชนอาจรู้สึกว่าการเชื่อฟังบิดามารดาเป็นเรื่องยาก แต่พระเจ้าทรงต้องการให้บุตรเชื่อฟังบิดามารดา. (สุภาษิต 1:8; 6:20) พระเยซูทรงเชื่อฟังพระบิดาของพระองค์ผู้สถิตในสวรรค์เสมอ แม้ขณะอยู่ในสภาพการณ์ที่ยากลำบาก. ครั้งหนึ่ง เมื่อพระเจ้าประสงค์ให้พระเยซูทำอะไรบางอย่างที่ยากเป็นพิเศษ พระเยซูตรัสว่า “ขอทรงเอาถ้วยนี้ [ข้อเรียกร้องอย่างหนึ่ง] ไปจากข้าพเจ้า.” ถึงกระนั้น พระเยซูก็ได้ทำสิ่งที่พระเจ้าประสงค์ เพราะพระองค์ยอมรับว่าพระบิดาทรงทราบดีที่สุด. (ลูกา 22:42) เมื่อบุตรเรียนที่จะเชื่อฟัง พวกเขาจะทำให้บิดามารดาและพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์มีความสุขมาก. *สุภาษิต 23:22-25.

เยาวชนควรคิดถึงอะไรเมื่อถูกล่อใจ?

19. (ก) ซาตานล่อใจเยาวชนอย่างไร? (ข) ความประพฤติที่ไม่ดีของบุตรอาจมีผลกระทบเช่นไรต่อบิดามารดา?

19 พญามารได้ล่อใจพระเยซู และเราก็แน่ใจได้ว่ามันจะล่อใจเยาวชนให้ทำสิ่งที่ผิดด้วย. (มัดธาย 4:1-10) ซาตานพญามารใช้ความกดดันจากคนรุ่นเดียวกัน ซึ่งอาจต้านทานได้ยาก. ดังนั้นแล้ว สำคัญสักเพียงไรที่เยาวชนจะไม่คบหากับคนที่ทำผิด! (1 โครินท์ 15:33) ดีนา ลูกสาวของยาโคบได้คบหาคนเหล่านั้นที่ไม่นมัสการพระยะโฮวา และนั่นทำให้เกิดความยุ่งยากมากมาย. (เยเนซิศ 34:1, 2) คิดดูสิว่าครอบครัวจะรู้สึกเจ็บปวดสักเพียงไรหากสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวเข้าไปพัวพันกับการผิดศีลธรรมทางเพศ!—สุภาษิต 17:21, 25.

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ครอบครัวมีความสุข

20. เพื่อจะมีชีวิตครอบครัวที่มีความสุข สมาชิกแต่ละคนในครอบครัวต้องทำอะไร?

20 ปัญหาครอบครัวแก้ไขได้ง่ายขึ้นเมื่อเอาคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลมาใช้. ที่จริง การเอาคำแนะนำเช่นนั้นมาใช้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ครอบครัวมีความสุข. ดังนั้น สามีทั้งหลาย จงรักภรรยาของตัวเอง และปฏิบัติต่อเธอเหมือนที่พระเยซูปฏิบัติต่อประชาคมของพระองค์. ภรรยาทั้งหลาย จงยอมอยู่ใต้สามีผู้เป็นประมุข และติดตามตัวอย่างของภรรยาที่มีความสามารถดังที่มีบอกไว้ในสุภาษิต 31:10-31. บิดามารดาทั้งหลาย จงอบรมบุตรของคุณ. (สุภาษิต 22:6) บิดาทั้งหลาย จง ‘ปกครองครอบครัวของคุณอย่างดี.’ (1 ติโมเธียว 3:4, 5; 5:8) และบุตรทั้งหลาย จงเชื่อฟังบิดามารดาของคุณ. (โกโลซาย 3:20) ไม่มีใครในครอบครัวเป็นมนุษย์สมบูรณ์ เพราะทุกคนล้วนทำผิดพลาด. ดังนั้น จงถ่อมใจ ขออภัยกันและกัน.

21. ความหวังอันยอดเยี่ยมอะไรมีอยู่ข้างหน้า และเราจะเพลิดเพลินกับชีวิตครอบครัวที่มีความสุขในขณะนี้ได้โดยวิธีใด?

21 ที่จริง คัมภีร์ไบเบิลมีคำแนะนำและคำสั่งสอนมากมายที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับชีวิตครอบครัว. นอกจากนี้ คัมภีร์ไบเบิลยังสอนเราเรื่องโลกใหม่ของพระเจ้าและอุทยานบนแผ่นดินโลกซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนที่มีความสุขซึ่งนมัสการพระยะโฮวา. (วิวรณ์ 21:3, 4) ช่างเป็นความหวังอันยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้ที่มีอยู่ข้างหน้า! แม้แต่ขณะนี้ เราจะเพลิดเพลินกับชีวิตครอบครัวที่มีความสุขได้โดยการเอาคำแนะนำของพระเจ้าที่พบในคัมภีร์ไบเบิล พระคำของพระองค์มาใช้.

^ วรรค 15 เรื่องความช่วยเหลือในการปกป้องบุตรมีอยู่ในบท 32 ของหนังสือจงเรียนจากครูผู้ยิ่งใหญ่ จัดพิมพ์โดยพยานพระยะโฮวา.

^ วรรค 18 เฉพาะเมื่อบิดามารดาสั่งให้บุตรทำสิ่งที่ละเมิดกฎหมายของพระเจ้าเท่านั้น ที่นับว่าถูกต้องที่บุตรจะไม่เชื่อฟัง.—กิจการ 5:29.