ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

 การสนทนากับเพื่อนบ้าน

ทำไมพระเจ้าปล่อยให้มีความทุกข์?

ทำไมพระเจ้าปล่อยให้มีความทุกข์?

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการพูดคุยกันระหว่างพยานพระยะโฮวากับเพื่อนบ้าน ตอนนี้ให้เราลองนึกภาพว่าพยานที่ชื่อมีนากำลังคุยกับโสพิศที่บ้านของเธอ

พระเจ้ารู้สึกอย่างไรกับความทุกข์ของเรา?

มีนา: สวัสดีค่ะ พี่โสพิศ ดีใจจังที่วันนี้พี่อยู่บ้าน

โสพิศ: พี่ก็ดีใจที่วันนี้ได้เจอน้องนะ

มีนา: คราวที่แล้วเราคุยกันว่าพระเจ้ารู้สึกยังไงเมื่อเห็นเรามีความทุกข์ * พี่บอกว่าตั้งแต่แม่พี่โดนรถชน พี่ก็สงสัยมาตลอดว่าทำไมแม่ต้องเจอเรื่องร้ายแบบนี้

โสพิศ: โห! น้องยังจำได้อยู่เหรอคะ

มีนา: ค่ะ แล้วตอนนี้คุณแม่พี่เป็นยังไงบ้างคะ?

โสพิศ: ก็สามวันดีสี่วันไข้ แต่วันนี้ก็ดูสดชื่นดีค่ะ

มีนา: ที่จริง ไม่ง่ายเลยนะคะที่จะอดทนกับเรื่องหนักแบบนี้ พี่เก่งมาก

โสพิศ: ก็ยากอยู่เหมือนกันนะ บางครั้งพี่ก็คิดว่าแม่จะต้องทนอยู่ในสภาพนี้ไปอีกนานแค่ไหน

มีนา: ถ้าเป็นหนู หนูก็คิดอย่างงั้นเหมือนกันค่ะ พี่จำได้ไหม คราวที่แล้วหนูบอกว่าจะกลับมาตอบคำถามว่าทำไมพระเจ้ายอมให้มีความทุกข์เกิดขึ้นอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น

โสพิศ: อ๋อ จำได้ละ

มีนา: ก่อนจะดูคำตอบจากคัมภีร์ไบเบิล เรามาทบทวนบางเรื่องที่เราได้คุยกันไปแล้วดีไหมคะ?

โสพิศ: ค่ะ

มีนา: เรื่องหนึ่งก็คือ ในสมัยคัมภีร์ไบเบิล พระเจ้ายอมให้เรื่องร้ายเกิดขึ้นกับคนที่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์ แต่พระเจ้าไม่เคยดุด่าเมื่อพวกเขาถามพระองค์เกี่ยวกับความทุกข์ที่เกิดขึ้น และไม่เคยบอกว่าพวกเขาต้องมีความเชื่อให้มากกว่านี้

โสพิศ: อืม พี่ไม่เคยคิดมุมนี้มาก่อนเลย

มีนา: และเราก็คุยกันว่าพระยะโฮวาพระเจ้าไม่ชอบที่เห็นเรามีความทุกข์ ตัวอย่างเช่น คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าเมื่อประชาชนของพระองค์กำลังเจอกับความทุกข์ พระองค์รู้สึก “ทุกข์พระทัย” * เรื่องนี้ทำให้เราสบายใจขึ้นใช่ไหมคะ เมื่อเรารู้ว่าพระเจ้าก็รู้สึกทุกข์ใจเหมือนกับเรา?

โสพิศ: ใช่ค่ะ

มีนา: เราได้เรียนด้วยว่าพระเจ้าเป็นพระผู้สร้างที่มีฤทธิ์อำนาจมหาศาล ดังนั้น ถ้าพระองค์อยากกำจัดความทุกข์ให้หมดไปเมื่อไหร่ พระองค์ก็ย่อมทำได้ทันที

โสพิศ: นั่นน่ะสิ พี่เลยสงสัยว่าแล้วทำไมพระเจ้ายังไม่ลงมือซะที? ทั้งที่พระองค์ก็มีอำนาจที่จะทำได้

ใครกันแน่ที่พูดความจริง?

มีนา: โอเคค่ะ เรามาหาคำตอบจากคัมภีร์ไบเบิลด้วยกัน เริ่มจากหนังสือเล่มแรกที่ชื่อเยเนซิศ พี่เคยได้ยินเรื่องอาดามกับฮาวาหรือที่หลายคนเรียกว่าอีฟ และผลไม้ต้องห้ามไหมคะ?

โสพิศ: ค่ะ พี่เคยเรียนมา ที่โรงเรียนสอนศาสนาวันอาทิตย์ สอนว่าพระเจ้าห้ามกินผลไม้ต้นหนึ่งในสวน แต่พวกเขาไม่เชื่อฟังแล้วก็กินเข้าไป

มีนา: ถูกต้องค่ะ ตอนนี้ให้เรามาดูว่าอะไรจูงใจอาดามกับอีฟให้ทำบาปต่อพระเจ้า เหตุการณ์นี้จะช่วยเราให้รู้คำตอบว่าทำไมเราต้องเจอกับความทุกข์ พี่จะช่วยอ่านเยเนซิศ บท 3 ข้อ 1-5 ได้ไหมคะ?

โสพิศ: ค่ะ “งูเป็นสัตว์ฉลาดกว่าสรรพสัตว์ป่าที่พระยะโฮวาเจ้าได้ทรงสร้างไว้ งูจึงถามหญิงนั้นว่า ‘จริงหรือที่พระเจ้าตรัสห้ามว่า เจ้าอย่ากินผลไม้ทุกอย่างในสวนนี้?’ หญิงนั้นจึงตอบงูว่า ‘ผลไม้ในสวนนี้เรากินได้ทั้งหมด เว้นแต่ผลไม้ต้นที่อยู่กลางสวนนั้นพระเจ้าตรัสห้ามว่า อย่ากินหรือถูกต้องเลยเกลือกว่าจะตาย’ งูจึงบอกหญิงนั้นว่า ‘เจ้าจะไม่ตายจริงดอก เพราะพระเจ้าทรงทราบอยู่ว่า เจ้ากินผลไม้นั้นเข้าไปวันใด ตาของเจ้าจะสว่างขึ้นในวันนั้น แล้วเจ้าจะเป็นเหมือนพระ จะรู้จักความดีและชั่ว’”

มีนา: ขอบคุณค่ะ ให้เรามาดูจุดที่น่าสนใจอย่างละเอียดทีละข้อนะคะ จุดแรก สังเกตว่างูพูดกับอีฟ แต่พระคัมภีร์อีกข้อหนึ่งอธิบายว่าจริงแล้วคนที่พูดกับอีฟไม่ใช่งู แต่เป็นซาตานพญามาร * ซาตานถามอีฟเกี่ยวกับคำสั่งที่พระเจ้าห้ามกินผลไม้จากต้นหนึ่ง ตามที่เราอ่าน พี่เห็นไหมคะว่าอาดามกับอีฟจะเป็นยังไงถ้ากินผลไม้นั้นเข้าไป พระเจ้าจะลงโทษพวกเขายังไงคะ?

โสพิศ: พวกเขาจะตาย

มีนา: ใช่ค่ะ ข้อต่อไปบอกให้เรารู้ว่าซาตานจงใจกล่าวหาพระเจ้า พระเจ้าสั่งไม่ให้กิน เพราะถ้ากินก็จะตาย แต่ซาตานพูดกับอีฟว่า ‘เจ้าจะไม่ตายจริงหรอก’ นั่นเท่ากับซาตานกำลังบอกว่าพระเจ้าโกหก!

โสพิศ: พี่ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย

มีนา: เมื่อซาตานกล่าวหาว่าพระเจ้าโกหก มันทำให้เกิดคำถามที่ต้องใช้เวลาพิสูจน์ พี่รู้ไหมคะว่าเพราะอะไร?

โสพิศ: อืม ไม่รู้สิ

มีนา: เอางี้นะคะ สมมุติว่าวันนึงหนูบอกพี่ว่าหนูแรงเยอะกว่าพี่ แต่พี่ไม่เชื่อ พี่จะทำยังไงคะ?

โสพิศ: ก็ต้องลองพิสูจน์กันดูค่ะ

มีนา: ใช่ค่ะ เราอาจจะแข่งกันยกของ แล้วก็ดูว่าใครจะยกของได้หนักกว่ากัน จะได้พิสูจน์ว่าใครแข็งแรงกว่ากัน

โสพิศ: อ๋อ พี่นึกภาพออกละ

มีนา: ถ้าไม่ใช่เรื่องความแข็งแรง แต่สมมุติหนูบอกพี่ว่าหนูซื่อสัตย์ กว่าพี่ล่ะ คงจะพิสูจน์ยากกว่าใช่ไหมคะ?

โสพิศ: อืม . . . ก็จริง

มีนา: เพราะความซื่อสัตย์ไม่ได้วัดกันง่ายเหมือนกับความแข็งแรงของร่างกาย

โสพิศ: แน่นอนค่ะ

มีนา: ที่จริง วิธีเดียวที่จะรู้ได้ว่าระหว่างเราสองคนใครซื่อสัตย์กว่ากัน ก็ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

โสพิศ: ก็จริงอย่างที่น้องพูด ฟังดูมีเหตุผลดีนะ

มีนา: ทีนี้ให้เรากลับไปดูที่เยเนซิศอีกครั้ง ซาตานอ้างว่ามันแข็งแรงกว่าพระเจ้าไหมคะ?

โสพิศ: ไม่นะ

มีนา: ถ้ามันอ้างแบบนั้น พระเจ้าก็พิสูจน์ง่ายเลยใช่ไหมคะ? แต่ซาตานอ้างว่ามันซื่อสัตย์ กว่าพระเจ้า มันบอกอีฟว่า ‘พระเจ้าโกหก’ แต่มัน เองนั่นแหละที่อ้างว่าพูดความจริงกับเธอ

โสพิศ: เออ . . . จริงด้วย

มีนา: แต่พระเจ้ามีวิธีจัดการกับเรื่องนี้อย่างฉลาดและสุขุม โดยให้เวลาผ่านไปมากพอเพื่อจะรู้ได้ว่าใครพูดจริง ใครโกหก

คำถามสำคัญที่เกิดขึ้น

โสพิศ: แต่ทันทีที่อีฟตาย เรื่องนี้ก็พิสูจน์แล้วไม่ใช่เหรอว่าพระเจ้าพูดความจริง?

มีนา: ค่ะ ในด้านหนึ่งก็ใช่ แต่ยังมีอีกปัญหาหนึ่ง ให้เรามาดูด้วยกันในข้อ 5 พี่สังเกตไหมว่าซาตานบอกอะไรกับอีฟอีก?

 โสพิศ: มันบอกว่าถ้าอีฟกินผลไม้ ตาของเธอจะสว่างขึ้น

มีนา: ถูกต้องค่ะ แล้วเธอจะเป็น ‘เหมือนพระเจ้า จะรู้จักความดีและชั่ว’ จากคำพูดของซาตานดูเหมือนมันกำลังใส่ร้ายพระเจ้าว่าหวงสิ่งดีเอาไว้ไม่ให้มนุษย์

โสพิศ: เข้าใจละ

มีนา: และเรื่องนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญขึ้นมา

โสพิศ: ยังไงเหรอคะ?

มีนา: ซาตานพูดกลายว่าไม่ได้มีแต่อีฟคนเดียวเท่านั้น แต่มนุษย์ทั้งโลกจะอยู่ดีมีสุขกว่าถ้าไม่มีพระเจ้าปกครอง ในกรณีนี้ก็เหมือนกัน พระยะโฮวารู้ว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะจัดการกับปัญหาคือ ให้ซาตานได้ทดลองใช้วิธีของมัน ดังนั้น พระเจ้าเลยยอมให้มันปกครองโลกนี้ช่วงหนึ่ง นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมมีความทุกข์เกิดขึ้นรอบตัวเรา เพราะซาตานเป็นผู้ปกครองโลกนี้ ไม่ใช่พระเจ้า * แต่คัมภีร์ไบเบิลมีข่าวดีสำหรับเรานะคะ

โสพิศ: ข่าวดีอะไรเหรอ?

มีนา: คัมภีร์ไบเบิลบอกให้เรารู้ความจริงสองข้อที่น่าประทับใจเกี่ยวกับพระเจ้า หนึ่ง พระยะโฮวาห่วงใยเราเมื่อเห็นเราต้องทนกับเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจ ให้เราอ่านคำพูดของกษัตริย์ดาวิดด้วยกันที่บทเพลงสรรเสริญ 31:7 เป็นตัวอย่าง จากข้อนี้ทั้งที่ดาวิดต้องเจอกับเรื่องร้ายมากมายตลอดชีวิตของเขา แต่เขาพูดกับพระยะโฮวายังไงในคำอธิษฐาน พี่ลองอ่านดูนะคะ

โสพิศ: ค่ะ “ข้าพเจ้าจะชื่นใจยินดีในพระกรุณาของพระองค์ ด้วยพระองค์ได้ทรงเห็นความทุกข์ของข้าพเจ้า และทรงทราบความยากในใจของข้าพเจ้าแล้ว”

มีนา: แม้ว่าดาวิดจะเจอกับความทุกข์มากมาย แต่เขาก็รู้สึกสบายใจเมื่อรู้ว่าพระยะโฮวามองเห็นและรับรู้ว่าเขาต้องเจอกับอะไรบ้าง พี่รู้สึกสบายใจไหมที่รู้ว่าพระยะโฮวาเห็นทุกสิ่ง แม้แต่ความทุกข์ในใจที่ไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็น?

โสพิศ: ฟังแล้วก็ได้กำลังใจดีนะ

มีนา: ความจริงที่น่าประทับใจอีกอย่างหนึ่งนะคะ คือพระเจ้าจะไม่ยอมให้เราต้องทนอยู่กับสภาพแบบนี้ไปตลอด คัมภีร์ไบเบิลสอนว่าพระองค์จะไม่ยอมให้ซาตานปกครองโลกนี้อีกต่อไป การปกครองที่ชั่วช้าของมันจะต้องสิ้นสุดลง และพระองค์จะแก้ไขเรื่องเลวร้ายทุกอย่าง รวมทั้งสิ่งที่พี่กับแม่กำลังเจออยู่ในตอนนี้ด้วย อาทิตย์หน้าหนูจะกลับมาคุยกับพี่ว่าเรารู้ได้ยังไงว่าอีกไม่นานพระเจ้าจะ กำจัดความทุกข์ทั้งสิ้นให้หมดไป? *

โสพิศ: โอเค พี่จะคอยนะคะ

มีเรื่องอะไรในคัมภีร์ไบเบิลที่คุณสงสัยอยู่ไหม? คุณอยากรู้ไหมว่าพยานพระยะโฮวามีความเชื่ออย่างไร และพวกเขาทำกิจกรรมทางศาสนาอะไรบ้าง? คราวหน้าถ้าคุณพบพยานพระยะโฮวา ขออย่าลังเลที่จะถามพวกเขา พยานยินดีพูดคุยกับคุณในเรื่องเหล่านี้

^ วรรค 7 ดูบทความ “การสนทนากับเพื่อนบ้าน—พระเจ้าสนใจความทุกข์ของเราไหม?” ในวารสารหอสังเกตการณ์ ฉบับ 1 กรกฎาคม 2013 นอกจากนี้ยังอ่านได้ที่ www.dan124.com/th

^ วรรค 19 ดูยะซายา 63:9, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1971

^ วรรค 63 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในบท 9 ของหนังสือคัมภีร์ไบเบิลสอนอะไรจริงๆ? จัดพิมพ์โดยพยานพระยะโฮวา